ความรักชาติกลายเป็นธุรกิจค้าความโง่
ในประเทศที่การศึกษายังไม่เคยสอนให้คนแยก “การรักชาติ” ออกจาก “การเกลียดชาติอื่น” มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนอย่าง กัน จอมพลัง จะกลายเป็นวีรบุรุษของฝูงชนได้ภายในข้ามคืน
“ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณต้องรักชาติ” และในประโยคต่อมา “เพราะฉะนั้น คุณต้องเกลียดเขมร” ฟังดูง่าย สะใจ เข้าใจเร็ว และที่สำคัญ ขายได้ดีในโลกโซเชียล ที่ algorithm ชอบคอนเทนต์ที่คนด่ากัน ความโกรธคือเชื้อเพลิงที่ให้พลังแก่ยอดไลก์ และ ‘ชาติ’ คือสินค้าที่ขายง่ายที่สุด
ปัญหาไม่ใช่ว่าคนอย่าง กัน จอมพลัง พูด แต่คือ มีคนจำนวนมากเชื่อ สังคมที่ถูกฝึกให้รักชาติผ่านเพลงปลุกใจ ผ่านแบบเรียนประวัติศาสตร์ที่สอนว่า ไทยไม่เคยแพ้ใคร จึงมีภูมิคุ้มกันต่ำต่อความคิดที่เรียบง่าย แต่รุนแรง “เรา = ดี เขา = ชั่ว” และเมื่อความคิดนี้ถูกอัดฉีดซ้ำ ๆ ด้วยการตลาดของอินฟลูเอนเซอร์ตลาดล่าง มันก็กลายเป็นความคลั่งที่ทำให้คนพร้อมจะเหยียบศักดิ์ศรีเพื่อนบ้านโดยไม่รู้สึกผิด
การรีไซเคิลความเกลียดเป็นคอนเทนต์ ทุกคำพูด ทุกคลิป ทุกการขึ้นรถแห่เปิดเพลงผีข้างชายแดน ล้วนคือกลยุทธ์การตลาดของคนที่รู้ว่าความโกรธขายได้ดีกว่าความเข้าใจ และผู้บริโภคก็พร้อมซื้อ
เพราะความรู้มันแพง แต่ความเกลียดมันฟรี!! น่าเศร้าที่ผู้ชมจำนวนไม่น้อยรู้สึก “ภูมิใจ” กับการได้เห็นใครสักคนตะโกนด่าประเทศเพื่อนบ้านแทนตัวเอง ราวกับได้ล้างแค้นประวัติศาสตร์ที่พวกเขาไม่เคยอ่านจบ ทั้งที่ในความเป็นจริง สิ่งที่เขากำลังทำ คือการขายภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้ดูไร้อารยะในสายตาชาวโลก

